การบำบัดอาการเสพติดโซเชียลมีเดียจนก่อให้เกิดความทุกข์
เราอาจจะรู้จักว่าการดีท็อกซ์คือการเอาสารพิษออกจากร่างกาย แล้วโซเชียลมีเดีย ดีท็อกซ์ล่ะคืออะไร อธิบายง่าย ๆ ได้ว่า โซเชียลมีเดีย ดีท็อกซ์ (Social Media Detox) หรือดิจิทัลดีท็อกซ์ (Digital Detox) เป็นการบำบัดอาการเสพติดโซเชียลมีเดียจนก่อให้เกิดความทุกข์ ง่าย ๆ ก็คือวิธีพาตัวเองออกห่างจากสมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เป็นการพักใจ พักสมอง และเรียกคืนตัวเองกลับมา เราลองมารู้จักวิธีบำบัดจิตใจด้วย โซเชียลมีเดีย ดีท็อกซ์ บ้างดีไหมเผื่อชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น
วิธีทำโซเชียลมีเดีย ดีท็อกซ์ หรือดิจิทัล ดีท็อกซ์ ก็มีแนวทาง ดังนี้
1. ปิดโทรศัพท์มือถือ 1 วัน หรือเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ธรรมดาที่ไม่ใช่สมาร์ตโฟนอย่างน้อย 1 วัน
2. Log out เฟซบุ๊ก ไลน์ หรืออินสตาแกรมอย่างน้อย 1 วัน
3. ถ้าทำใจเลิกเล่นโซเชียลมีเดียไม่ได้ ให้ลองคัดเพื่อนในโซเชียลมีเดียให้เหลือแต่คนที่สนิทกันจริง ๆ
4. หากิจกรรมอื่นทำแทนเล่นโซเชียลมีเดีย
5. ออกท่องเที่ยวและสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยสายตาตัวเอง โดยไร้ซึ่งสมาร์ตโฟน
6. ลองกลับไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบจริง ๆ
7. ปรับทัศนคติในการเล่นโซเชียลใหม่ จำไว้ว่าคนในโลกโซเชียลมักจะเสนอแต่แง่มุมดี ๆ ของตัวเองทั้งนั้น แต่จริง ๆ แล้วคนเราย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ปนกันไป
ข้อดีของโซเชียลมีเดีย ดีท็อกซ์ นอกจากจะทำให้เรามีเวลาในชีวิตมากขึ้นแล้ว ยังมีข้อดีตามนี้เลย
1. มีเวลาได้ทบทวนตัวเอง
การตัดโซเชียลมีเดียออกจากชีวิต จะเปิดโอกาสให้เราได้ทบทวนตัวเอง ได้คิดถึงความสุขที่แท้จริงของตัวเอง โดยไม่เอาความสุขของเราไปเปรียบเทียบกับความสุขของใคร
2. ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น
หากไม่ได้เล่นโซเชียลแล้ว เราก็จะมีเวลาได้หากิจกรรมสนุก ๆ อื่น ๆ ทำ เป็นการลองหาสิ่งที่ตัวเองชอบ และได้เพิ่มประสบการณ์ใหม่ ๆ
3. นอนหลับได้ดีขึ้น
การเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนเป็นการรบกวนฮอร์โมนการนอนหลับของร่างกาย ดังนั้นใครที่นอนหลับไม่สนิทมานาน คราวนี้ก็จะได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่สักที
4. รู้สึกเป็นอิสระมากขึ้น
เมื่อก่อนเราอาจจะผูกตัวเองไว้กับเสียงแจ้งเตือนไลน์ หรือต้องคอยกังวลว่าใครจะทวีตมา คอยเช็กว่ายอดไลค์ในไอจีจะเยอะไหม แต่พอเราตัดสังคมออนไลน์ออกจากชีวิตไป เราก็ไม่ต้องพะวงถึงสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป เหมือนปลดแอกตัวเองจากบ่วงโซเชียลมีเดียเลยล่ะ
5. ได้ฝึกสมาธิ
หลายคนกลายเป็นคนสมาธิสั้นเมื่อมีพฤติกรรมติดสมาร์ตโฟน แบบทุก ๆ 5 นาทีต้องเช็กมือถือ กินข้าว เข้าห้องน้ำ หรือทำกิจกรรมอะไรก็ต้องเล่นมือถือตลอดเวลา แต่หลังจากทำดีท็อกซ์แล้วเราจะรู้จักโฟกัสสิ่งรอบ ๆ ตัวมากขึ้น ได้ฝึกสมาธิไปในตัว
6. กระชับความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว
วางมือถือแล้วมาจับมือคนที่อยู่ใกล้ตัวเราดีกว่านะคะ เปลี่ยนจากจ้องหน้าจอมาจ้องตา ดูสีหน้าคนในครอบครัว ใช้เวลาพูดคุยกันให้มากขึ้น เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากกว่าเดิม
7. ได้ใช้ชีวิตอย่างมีชีวิตชีวามากขึ้น
การดูชีวิตคนอื่นผ่านสังคมออนไลน์มันเป็นการมองในด้านเดียวมาก ๆ ต่างจากการมองวิถีชีวิตของคนรอบ ๆ กาย อย่างตอนเช้าเราอาจได้เห็นความน่ารักของคู่แม่-ลูกบนรถไฟฟ้า หรือได้ยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่บังเอิญเดินสวนกัน หรือได้ชื่มชมวิวดี ๆ กับแสงแดดยามเช้า เป็นต้น เห็นไหมว่าแค่เงยหน้าจากหน้าจอมือถือก็มีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นมาก
8. คืนความเฮลธ์ตี้ให้ตัวเอง
นอกจากจะเป็นการพักสายตาแล้ว การห่างจากสมาร์ตโฟนยังช่วยถนอมการใช้ข้อมือของเราเองด้วย หรือบางคนที่วัน ๆ เอาแต่เล่นโซเชียลแล้วไม่ออกกำลังกาย ก็จะได้มีเวลาไปออกกำลังกายเพิ่มความสตรองให้สุขภาพบ้างแล้ว
9. รักตัวเองมากขึ้น
เมื่อไม่ต้องเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนในโลกออนไลน์ เราจะรู้สึกว่าชีวิตเราก็มีดี มีความสุข มีความชิลไปอีกแบบ และนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เรารักตัวเองมากขึ้น
ถ้าเล่นโซเชียลแล้วรู้สึกเซ็ง ๆ นอยด์ ๆ กับชีวิต ก็ลองมาทำดีท็อกซ์กัน ส่วนการทำโซเชียลมีเดีย ดีท็อกซ์ ก็ขึ้นอยู่กับเราเลยว่าจะห่างจากสังคมออนไลน์กี่วัน บางคนอาจจะเริ่มแค่วันเดียวก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มวันเวลามากขึ้นเป็น 2 วัน 5 วัน หรือ 1 สัปดาห์ แต่ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่อยากกลับมาใช้ชีวิตเบสิก ๆ ทำดีท็อกซ์ได้สำเร็จ และกลับมามีชีวิตที่มีความสุขในอย่างที่ตัวเองเป็น
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ doook.net